ที่มา มาลัยเงิน ของที่ระลึก แด่ผู้นำอาเซียนและคู่สมรส การประชุมสุดยอดอาเซียน

ที่มา มาลัยเงิน ของที่ระลึก แด่ผู้นำอาเซียนและคู่สมรส การประชุมสุดยอดอาเซียน

เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน และได้รับบทบาทสำคัญในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ช่วงวันที่ 20 – 23 มิ.ย. โดยมีผู้นำและคณะมาเข้าร่วมถึง 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย หนึ่งในของที่ระลึกที่ได้รับเลือกให้มอบแก่ผู้นำอาเซียนและคู่สมรสจึงเป็น ‘มาลัยเงิน’ ผลงานของครูช่างศิลปหัตถกรรมของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT

นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) 

เผยว่า มาลัยเงินนี้ สร้างสรรค์โดย ครูนฤมล ทอนใจ ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือก และเชิดชูจาก SACICT ให้เป็นครูช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2557 ประเภทเครื่องโลหะ (เครื่องประดับเงิน) 

มาลัยเงินนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก พวงมาลัยถวายพระ สะท้อนความหมายถึงจิตคารวะ และมาลัยนี้มักใช้ในโอกาสมงคลและการต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิต เป็นการสื่อความหมายที่ลึกซึ้ง ผนวกกับภูมิปัญญา เทคนิคการทำที่ละเอียดประณีตบรรจง และสอดคล้องกับตราสัญลักษณ์ของการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ อีกทั้ง การร้อยเรียงดอกไม้ยังสะท้อนความหมายบ่งบอกถึงความร่วมมือระหว่างประชาคมอาเซียน ที่มีความกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว

ด้าน ครูนฤมล ทอนใจ เล่าว่ามาลัยเงินนี้ทำงานเงินแท้ มีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อน หลอมละลายด้วยอุณหภูมิสูงกว่าพันองศา และนำมาขึ้นรูปด้วยมือทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการเลียนแบบธรรมชาติในการเข้ากลีบดอกมะลิ ดอกรัก และดอกกุหลาบ ทั้งตัวพวงมาลัยและการทำช่ออุบะตามแบบของจริงทุกประการ โดยครูกล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่มาลัยเงินนี้จะถูกมอบไปยังผู้นำอาเซียนและคู่สมรส ทั้ง 10 ประเทศ

และในเวลา 09.00 น.ของวันนี้ (18 มิ.ย.) ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาถึง 68 ครั้ง ความรุนแรงน้อยสุดอยู่ที่ 2.0 ริกเตอร์และมากสุดอยู่ที่ 5.3 ริกเตอร์ โดยสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหลายเมืองใหญ่อย่าง เฉิงตู และฉงชิ่ง

ด้านสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงอย่างน้อย 300 นาย เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมด้วยเต็นท์ 5,000 หลัง เตียงพับ 10,000 เตียง ผ้าห่ม 20,000 ผืน และอุปกรณ์บรรเทาทุกข์ฉุกเฉินอื่นๆ

คืบหน้าประท้วงฮ่องกง – วันที่ 17 มิ.ย. ชาวฮ่องกงยังคงชุมนุมประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างจีน ไต้หวัน และฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านาง  ‘แครี หลำ’ ผู้บริหารเขตพิเศษฮ่องกงจะออกมาแถลงว่าจะเลื่อนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างไม่มีกำหนด แต่ความต้องการของชาวฮ่องกงคือการ ‘ถอน/ยกเลิก’ กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้เสีย เพราะเกรงว่าจีนจะมามีอิทธิพลเหนือฮ่องกง และใช้กฎหมายนี้จับกุมผู้ประท้วงหรือเห็นต่างกับทางการจีน

การชุมนุมประท้วงดำเนินไปโดยมีประชาชนมาเข้าร่วมอย่างหนาแน่นประมาณการณ์ถึง 2 ล้านคน เพื่อกดดันยกเลิกร่างกฎหมายดังกล่าวและให้นาง ‘แครี่ หลำ’ ลาออก โดยขบวนประท้วงได้ออกมาจากสวนสาธารณะวิคตอเรียปาร์ค ในช่วงเช้ามืดเวลา 02.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนเคลื่อนเข้าสู่ที่ทำการรัฐบาลฮ่องกง และมีบางส่วนที่ปักหลักค้างคืนอยู่รอบที่ทำการรัฐบาลฮ่องกง

‘โจชัว หว่อง’ ออกจากคุกแล้ว ลั่น ‘แครี่ แลม’ ต้องลาออก

โจชัวหว่องถูกปล่อยตัว – วันที่ 17 มิ.ย. “โจชัว หว่อง” แกนนำประท้วงการปฏิวัติร่ม (Umbrella Movement) ได้รับการปล่อยตัวจากราชทัณฑ์ Lai Chi Kok (ไล่ชีก๊ก) แล้วช่วงสายวันนี้ หลังอยู่ในเรือนจำ  2 เดือน จากคดีชุมนุมโดยผิดกฎหมาย

โจชัว หว่อง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในรอบ 30 ปี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประท้วงกว่า 2 ล้านคน ว่า เขาเห็นด้วยกับจุดประสงค์ของผู้ชุมนุมคือต้องการให้ถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างจีนฮ่องกง และถึงเวลาแล้วที่แครี่ แลม ต้องลงจากตำแหน่ง เขาไม่เชื่อคำสัญญาของแครี่ แลมที่ว่าเธอจะระงับการพิจารณาร่างกฎหมายนี้อย่างถาวร

การประท้วงครั้งนี้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. และอาจยืดเยื้อยาวนานเช่นเดียวกับการประท้วงขบวนการร่มเหลืองในปี 2014 แม้ว่านางแครี่กล่าวว่าจะระงับร่างที่ออกอย่างไม่มีกำหนด แต่ผู้ประท้วงต้องการให้ถอนร่างนี้อย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้กระแสความไม่พอใจของผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง ทำให้มีผู้บาดเจ็บเกือบ 80 คน (เป็นตำรวจ 22 นาย) ล่าสุดมีผู้ประท้วงเสียชีวิต 1 ราย จากการตกตึก ระหว่างพยาบามแขวนป้ายผ้า

ความกังวลของประชาชนฮ่องกงต่อกฎหมายดังกล่าว คือกลัวว่าจีนจะมามีอิทธิพลทางตุลาการเหนือเกาฮ่องกง ดึงฮ่องกงกลับไปอยู่ภายใต้ความยุติธรรมแบบจีน ๆ แม้ว่าแครี่ แลม อ้างเหตุร่างพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะช่วย “อุดช่องโหว่” เพื่อไม่ให้ฮ่องกง ตกเป็นที่หลบภัยสำหรับอาชญากร หลังจากคดีฆาตกรรมในไต้หวันก็ตาม

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป